ตลาดเก่าอ่างศิลา
Angsila old market
อ่าง ศิลา เป็นหมู่บ้านประมงริมทะเล อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่ และเป็นแหล่งทำครกหิน ซึ่งริเริ่มโดยชาวจีนแต้จิ๋วซึ่งอพยพเข้ามาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้นำหินเนื้อละเอียดที่มีอยู่มากมายแถบอ่างศิลามาแกะสลัก จนปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าของใช้ ของตกแต่งบ้าน มากมาย นอกจากนี้อ่างศิลายังเคยเป็นสถานตากอากาศชายทะเลเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีตำหนักที่ประทับริมทะเลสมัยรัชกาลที่ 5 สถาปัตยกรรมแบบยุโรป ให้เห็นอยู่ รวมทั้งเป็นย่านร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ หลายร้าน
สำหรับตลาดอ่างศิลาเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2419 จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 133 ปีแล้ว เทศบาลตำบลอ่างศิลา และชุมชนชาวอ่างศิลา ได้ร่วมกันพัฒนาตลาดอ่างศิลา เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่ง หนึ่งของจังหวัดชลบุรี ภายใต้ชื่อโครงการ ตลาดเก่าอ่างศิลา 133 ปี โดยมีกำหนดเปิดตลาดในวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 และทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 10.00 -18.00 น.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป มีชาวบ้านมาจำหน่ายสินค้าอาหาร ของฝากมากมาย อาทิ อาหารทะเลแปรรูป ขนมครกสูตรโบราณ ห่อหมก ฯลฯ
ภาพบรรยากาศของตลาดเก่าอ่างศิลาที่เราเก็บภาพมาฝากกัน
มาดูกันดีกว่าว่าที่สะพานปลาอ่างศิลานี้มีอะไรให้ชาวหมูหิน.คอมช้อปปิ้งกันบ้าง ต้องบอกเลยค่ะว่าอาหารทะเลที่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ มีให้เลือกสรรมากมายไม่ว่าจะเป็น กุ้ง กั้งแก้ว ปลาหมึกกระดอง ปลาหมึกศอก หนวดปลาหมึก แถมไม่พอปลาหมึกที่นี่จะเอาเฉพาะตัวที่ไข่ก็ได้นะคะ หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยหวาน หอยนางรมที่แกะแล้ว พร้อมเครื่องครบชุด สะดวกกินมากๆมีน้ำจิ้มซีฟู้ดแยกขายด้วยค่ะ ปูม้า ปลานานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาซาบะ ปลาทู ปลากระพง ปลาอินทรีย์ ที่แปลกๆก็มีปลากระเบนแล้วก็ปลาฉลามทราย ที่ไม่กินเนื้อ แถมไม่กัดคนอีกต่างหากค่ะ ซื้อของทะเลเสร็จแล้ว กลัวไม่สด ที่สะพานปลาอ่างศิลาก็มีบริการกล่องโฟม+น้ำแข็งขาย อำนวยความสะดวกให้ด้วย เพื่อให้อาหารทะเลคงความสดจนถึงจุดหมายปลายทาง
วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิมอำเภอเมือง จ.ชลบุรี
วิหารหรือศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เป็นศาลเจ้าจีนที่ก่อสร้างอย่างสวยงามใหญ่โต ตั้งอยู่ริมเส้นทางเลียบชายทะเลจากอ่างศิลาไปเขาสามมุข มีตึก 4ชั้น ภายในโอ่โถงตระการตาด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน จุดเด่นด้านศิลปวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ รูปปั้นมังกรซึ่งมีมาถึง 2,840ตัว กระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ เสาฟ้าดิน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีองค์ไท้ส่วยเอี้ย (ดาวเทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเกิดของมวลมนุษย์) ครบ 60 องค์ ให้ผู้มาเยือนได้ขอพรได้ตรงตามปีเกิด
ประวัติศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2541 สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จมาเป็นประธานพิธีเททองหล่อพระพุทธ 7 พระองค์ และทรงประทานพระบรมสารีริกธาติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 9 พระองค์ให้แก่ คณะกรรมการมูลนิธิธรรมรัศมี มณีรัตน์ เพื่อทำพิธีบรรจุ และได้รับเกียรติจาก ฯพณฯท่าน ม.ร.ว.อดุลกิติ์ กิติยากร เป็นประธานในพิธีบรรจุพระบรม สารีริกธาตุสมเด็จพระสังฆราชฯ ได้พระราชทานนามวิหารแห่งนี้ว่า "วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม" มีความหมายว่า เป็นที่สถิตของทวยเทพเจ้าทั้งหลายเป็นสถาปัตยกรรมจีนที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งในย่างตะวันออกเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าตัวอาคารมีมังกรพันเสาอยู่ทุกต้นตัวอาคารเป็นอาคาร 4 ชั้น
ชั้นที่ 1
เป็นที่ประดิษฐานของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ นอกจากนี้ยังมีองค์ดวงเทพพระเคราะห์ (องค์ไท้ส่วย) ทั้งหมด 60 องค์ และยังเป็นที่ทำการของมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์อีกด้วย
เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ทั้ง 3ปางที่จำลองมาจากมณฑลเสฉวนจากประเทศจีนซึ่งเป็นศาลเจ้าแรกขององค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ที่ท่านแม่ขององค์เทพเจ้าหน่าจาเป็นผู้สร้างให้ ในชั้นนี้มีรูปปั้นมหาโพธิสัตว์กวนอิมหรือพระอวโลกิเตศวร อีกหลายปาง
ชั้นที่ 3
เป็นที่ประดิษฐานขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ที่เรารู้จักกันดีว่าท่านเป็นผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ ข้าราชการนิยมมากราบไหว้เพื่อมาขอพรท่านให้ได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน และยังมีองค์เทพเจ้าที่ชาวจีนให้ความเคารพอีกมาก มาย
ชั้นที่ 4
เป็นชั้นที่สูงสุด เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นองค์ประธานหรือองค์พระศรีอริยเมตตรัย และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีก 5 พระองค์ที่ตั้งอยู่ 5 ทิศ และองค์สมเด็จพระอนุตรธรรมมารดา ผู้ให้กำเนิดแก่จักรวางทั้งปวงเป็นผู้ให้ กำเนิดสรรพชีวิตทั้งหลายในโลกนี้ บุคคลท่านใดไม่มีบุตร นิยมมากราบไหว้ขอพรท่านให้ได้บุตรก็จะสมหวังดังที่ขอไว้ได้บุตรมีสติปัญญาที่ดี และมีสุขภาพแข็งแรง